หลักธรรมทำบุญ 50 – 100 วัน

หลักปฏิบัติในการทำบุญอุทิศกุศลก่อน 100 วัน ควรทำดังนี้

เมื่อกายหยาบแตกดับ(ตาย) กายละเอียด(ดวงจิตหรือวิญญาณ)จะออกจากร่าง จิตนั้นยังคงมีความผูกพันเหมือนผลไม้ที่เพิ่งถูกเด็ดจากต้น ผลนั้นยังคงมีรสชาติไม่ลืมต้น ดวงจิตเช่นเดียวกัน กายละเอียดจะวนเวียนกลับไปยังที่คุ้นเคยเช่นบ้านหรือบุคคลที่ผูกพัน หลักปฏิบัติในการทำบุญอุทิศกุศลก่อน 100 วัน ควรทำดังนี้
1. ทบทวนบุญ โดยการนำภาพที่ผู้วายชนม์เคยประกอบบุญความดีมาติดในจุดที่ท่านคุ้นเคย เช่นห้องนอน โถงในบ้าน เพื่อที่เมื่อกายละเอียด(วิญญาณ) ได้มาที่บ้านก็จะได้ระลึกถึงบุญในอดีตที่เคยทำ หรือเปิดเสียงธรรมเทศนาหรือบทสวดมนต์ที่คุ้นเคยในขณะมีชีวิตอยู่ ภาพหรือเสียงนี้จะเป็นเครื่องจูงจิตให้กายละเอียดได้ระลึกในกุศลที่เคยปฏิบัติ และคลายความเศร้าหมองฟุ้งซ่านและมีบุญเป็นที่พึ่งได้ในเบื้องต้น

2. หมั่นทำทาน รักษาศีล และนั่งสมาธิอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์ตลอด 100 วันนับแต่วันวายชนม์

3. สร้างบรรยากาศในบ้านอยู่ในบุญกุศล ด้วยความรักและสามัคคี ไม่ทะเลาะแก่งแย่งทรัพย์สินให้ผู้วายชนม์ร้อนใจ ดูแลครอบครัวรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูลไม่ให้ผู้วายชนม์ต้องกังวลใจ

4. เมื่อครบวาระ 50 วัน และ 100 วัน ให้นิมนต์พระมาสวดพุทธมนต์ที่บ้าน ถวายมตกภัตตาหาร ถวายบังสุกุลและสังฆทานที่บ้าน เพราะบ้านคือสถานที่ผู้วายชนม์ผูกพัน และสามารถอยู่ร่วมรับบุญได้ วัดไม่ใช่สถานสาธารณะที่วิญญาณเข้าออกได้ ทุกวัดมีเจ้าที่คอยรักษาธรณีสงฆ์

ส่วนหลักการนับวันให้นับวันที่วายชนม์เป็นวันที่หนึ่ง ดังนั้นเมื่อสวดอภิธรรมครบ 7 วันที่วัดแล้ว ให้ทำบุญครบ 50 วันและ 100 วันที่บ้าน เพื่อเป็นเสบียงบุญสมทบให้ผู้วายชนม์ได้อนุโมทนาเดินทางสู่สุคติภูมิ

การทำบุญอุทิศกุศลเป้าหมายจึงอยู่ที่ผู้วายชนม์ให้ได้รับบุญ ไม่ใช่เพียงแค่การทำตามประเพณี หรือตามความสะดวกหรือความสบายใจของคนเป็น โดยไม่ได้คำนึงว่าทำถูกต้องหรือไม่ หรือว่าผู้วายชนม์ได้รับบุญหรือไม่ อย่าทำบุญโดยขาดสติปัญญาตรองหรือทำแบบตำน้ำพริกละลายน้ำ เพราะนอกจากจะสูญเงินเปล่าแล้ว ผู้ตายก็ไม่ได้รับบุญด้วยกลายเป็นความสูญเปล่าที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
เขียนบันทึกศึกษาค้นคว้าโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ
ปรึกษาจองวันทำบุญ 50-100 วัน ส่งดวงจิตผู้วายชนม์สู่สุคติภูมิ 0898135885

บุญต้นทุน และ บุญสมทบ มีผลต่อภพภูมิใหม่

การทำบุญอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์มีความจำเป็นต้องทำทุกๆวัน มิใช่แค่รอคอยวันที่ครบ 50 หรือ 100 วัน เท่านั้น เพราะบุญคือความสุขเดียวที่ผู้วายชนม์ปรารถนาในสัมปรายภพ มนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยอาหารที่กินทุกวัน ฉันใด กายละเอียดผู้วายชนม์จะดำรงสุขอยู่ได้ก็ต้องมีบุญเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ฉันนั้น

บุญมีด้วยกันสองประเภท คือ บุญต้นทุนที่กระทำด้วยตนเองขณะมีชีวิตตั้งแต่เยาว์จนละโลก และบุญสมทบคือการอุทิศกุศลจากครอบครัวญาติมิตรหลังละโลกแล้ว หากผู้วายชนม์ผู้นั้นได้ประกอบกุศลกรรมไว้มากมายในขณะมีชีวิต ย่อมหวังได้ว่าบุญกุศลนั้นๆย่อมติดตามหนุนนำสู่สุคติ แต่หากผู้วายชนม์ละเลยประกอบกุศลกรรมในขณะมีชีวิตแล้วไซร้ ย่อมต้องรอพึ่งพาบุญสมทบจากบุคคลที่สามเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

เขียนบันทึกศึกษาโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ
ปรึกษาจองวันทำบุญ 50-100 วัน ส่งดวงจิตผู้วายชนม์สู่สุคติภูมิ 0898135885

วิธีการส่งบุญแด่ผู้ตายในระหว่าง 100 วัน
แม้ไม่มีทรัพย์ก็สามารถทำได้ทุกคน

สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย การสั่งสมบุญนำความสุขมาให้” ชีวิตหลังชีวิตคนตายทำบุญเองไม่ได้แล้ว หวังได้เพียงแต่ครอบครัวจะช่วยส่งบุญให้ได้เท่านั้น หากครอบครัวได้ทำให้ผู้ตายก็ได้สุข แต่ถ้าหากครอบครัวละเลยด้วยคิดว่าตายแล้วสูญ บุญบาปไม่มีผล ผู้ตายก็ได้แต่สลดโศกเศร้าเสียใจที่ถูกทิ้ง โทษได้แต่ตัวเองที่ประมาทหลงผิดไม่ทำกรรมดีไว้เป็นของตนเองในขณะมีชีวิต ไม่น่าคิดผิดหวังพึ่งครอบครัวสามีภรรยาลูกหลานญาติพี่น้องเพื่อนๆเลย

กุศลกรรมง่ายๆที่ครอบครัวต้องช่วยผู้วายชนม์มีสามประการ

1.ทำทาน ทานทางธรรมที่เป็นอามิสทาน(วัตถุทาน) เช่น การใส่บาตร ถวายภัตตาหาร ถวายสังฆทานต่างๆ การสร้างองค์พระถวายอุทิศกุศล หรือแม้แต่ทานที่ไม่ต้องใช้เงิน เช่น วิทยาทานให้ความรู้สุจริตต่อผู้คน ธรรมทานสอนลูกหลานเป็นคนดี สอนผู้ร่วมงานผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีความซื่อสัตย์ อภัยทานไม่อาฆาตพยาบาทจองเวรทำร้ายผู้คน ทานทางโลกคือสังคมสงเคราะห์ เช่น การบริจาคทานเป็นกุศลให้แก่โรงพยาบาล ผู้พิการ ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส เป็นต้น

2.การรักษาศีล ผู้ตั้งใจอาราธนาศีลห้าและตั้งใจรักษาศีลห้าเป็นปกติทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยไม่ละเมิดศีลห้าย่อมมีผลานิสงส์เป็นเหตุในการอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ได้เช่นกัน การไม่ลักทรัพย์อันเนื่องจากมีคนเห็นหรือมีซ๊ซ๊ทีวีไม่ใช่ผู้มีศีลปกติ

3.การเจริญภาวนาปฏิบัติธรรม การสวดมนต์ การนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมแผ่เมตตาที่เป็นสัมมาทิฏฐิสัมมาสมาธิ ย่อมมีผลานิสงส์ต่อการอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ได้ดียิ่ง

การอุทิศกุศลต่างๆข้างต้นในทุกๆวันก่อนครบวาระ 50-100 วัน เป็นสิ่งพึงกระทำอย่างยิ่ง เพราะล้วนเป็นทางแห่งความสุขแก่ผู้วายชนม์ และเมื่อครบวาระ 50 วันและ 100 วัน ให้นิมนต์คณะสงฆ์ได้มาสวดพุทธมนต์ประกอบพิธีอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ที่บ้านเพื่อเป็นบุญกุศลให้ดวงจิตมีกำลังบุญบารมีเดินทางสู่สุคติ

เขียนบันทึกศึกษาโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ
อย่าปล่อยให้ผู้วายชนม์ไร้เสบียงกุศลสู่สุคติ ติดต่อทำบุญ 50-100 วัน 0898135885

การสื่อสารจากผู้ตาย

เมื่อสังขารดับหลังความตาย ดวงจิตผู้ตายที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมมักมีลักษณะเศร้าหมอง เสียใจที่พลัดพลาด ตกใจกลัวกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม ดวงจิตไม่ลืมต้นยังคงผูกพันกับบ้านที่เคยอยู่ ครอบครัวที่ร่วมทุกข์สุข กิจกรรมที่คุ้นเคยและทรัพย์สินที่หวงแหน ดังนั้นไม่ว่าจะเสียชีวิตที่บ้านหรือโรงพยาบาลหรือนอกสถานที่ เผาที่เมรุ ลอยอังคารที่แม่น้ำ บรรจุอัฐิที่กำแพงวัดก็ตาม ดวงจิตผู้ตายจะวนกลับไปบ้านครอบครัวสิ่งที่ผูกพัน

ในระหว่าง 100 วันนี้ผู้ตายพยายามหาทางสื่อสารกับสมาชิกครอบครัวญาติมิตรผ่านอายตนะการรับรู้ การสัมผัสถึงผู้ตายอาจรับรู้ได้ด้วย

#กลิ่น เช่น กลิ่นตัวที่เป็นลักษณะเฉพาะของผู้ตาย กลิ่นธูปกลิ่นดอกไม้จากงานศพ กลิ่นที่หอมเย็นมักหมายถึงภพภูมิที่ดี กลิ่นยาแรงๆ กลิ่นเน่าเหม็น มักหมายถึงอาการที่ดวงจิตมีความทุกข์เศร้าหมองไปไม่ดี

#เสียง เช่น ได้ยินเหมือนเสียงผู้ตายพูดแว่วเรียกสั้นๆ เสียงฝีเท้าเดินเฉพาะตัวของผู้ตาย

#สายตา เช่น เห็นด้วยตาเนื้อ เห็นกับตาเหมือนผู้ตายเดินไปมาหรือทำกิจกรรมที่ผู้ตายคุ้นเคย

#โสตสัมผัส เช่น มีอาการขนลุกชูชัน อาการหนาวสั่นฉับพลันทั้งๆที่อากาศปกติ อาการร้องไห้เองหยุดไม่ได้ อาการแน่นเหมือนมีใครสวมกอด

#จิตฝัน คือ การสื่อสารผ่านกายละเอียดขณะนอนเหมือนอาการฝัน แต่ส่วนใหญ่จิตขณะฝันมักเห็นแต่กายละเอียดผู้เสียชีวิตที่ไม่พูดคุยด้วย

การสื่อสารดังกล่าวข้างต้นขึ้นกับอายตนะรับรู้ที่แตกต่างกันของแต่ละคน การสร้างบรรยากาศที่บ้านให้อยู่ในบุญด้วยภาพผู้เสียชีวิตทำบุญในอดีตหรือเสียงสวดมนต์ ให้ผู้ตายนึกถึงบุญกุศลต่างๆที่ได้เคยทำ จึงเป็นการจูงจิตให้ดวงจิตผู้ตายสว่างไสวคลายความเศร้าหมองมีสุคติเป็นที่ไปสัมปรายภพ

อนึ่ง อย่างไรก็ตามมีเหตุที่จะไม่ได้สัมผัสถึงผู้ตายคือ
1.อายตนะผู้รับไม่ตรงกับผู้ตาย อุปมาภาคส่งและภาครับคนละช่อง
2.มาไม่ได้ เหตุเพราะกรรมหนักต้องโดนกุมภัณฑ์คุมขัง อุปมาเหมือนนักโทษในเรือนจำ แม้อยากออกก็ออกไม่ได้
3.มาไม่ทัน ดวงจิตเพลิดเพลินตระกรานตาในผลบุญที่ได้กระทำในขณะมีชีวิต ส่งผลความปลาบปลื้มปีติในทิพยสมบัติจนลืมวันลืมคืน เมื่อนึกกลับไปครอบครัวก็ไม่ทันได้พบใครแล้ว (สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา 1 วัน เท่ากับ 50 ปีของโลกมนุษย์)

เขียนบันทึกศึกษาโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ
เพิ่มเติมความรู้ที่ www.dechaboon.com

ทำทำไม ทำไมต้องทำบุญ ไม่ทำได้หรือไม่ ???

ทำทำไม  พราะตายแล้วไม่สูญ ความจริงไม่ได้เป็นไปตามอำเภอใจ เพราะแม้นไม่เชื่อความจริงก็ไม่เปลี่ยนแน่นอน บุญสมทบมีผลต่อการเดินทางของดวงจิตผู้วายชนม์ การเดินทางในทางโลกใช้ยานพาหนะหรือเดินเท้าสู่ปลายทาง แต่การเดินทางของชีวิตหลังชีวิตใช้บุญและบาปเป็นเครื่องนำทางสู่ปรโลกมีสุคติและทุคติเป็นปลายทาง หากผู้ตายมีบุญต้นทุนที่ได้กระทำเองมากพอในขณะมีชีวิต แม้นครอบครัวไม่จะทำบุญอุทิศก็พอเอาตัวรอดได้ หรือหากครอบครัวได้ทำบุญสมทบอุทิศกุศลดวงจิตผู้ตายก็ยิ่งปีติในกุศลทับทวีความสุขเป็นเสบียงบุญเดินทางสู่สุคติภูมิ

ในทางกลับกัน หากผู้ตายละเลยเพิกเฉยประมาทในการสร้างกุศลในขณะมีชีวิต ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ความหวังเดียวที่เหลือคือบุญสมทบจากครอบครัวเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าผู้ตายจะมีบุญต้นทุนเองหรือไม่ก็ตาม การทำบุญอุทิศกุศลจากครอบครัวให้ผู้ตายอย่างสม่ำเสมอนับจากวันละโลกในระหว่างวาระ 100 วัน และแม้หลังครบวาระ 100 วันแล้ว เป็นสิ่งที่พึงกระทำ เพราะชีวิตในปรโลกอยู่ด้วยผลของบุญและบาปเท่านั้น ยามอยู่ต้องอุปัฏฐาก ยามจากต้องอุปถัมภ์

 

เขียนบันทึกศึกษาค้นคว้าโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ

ทำเมื่อไรดี นับวันอย่างไร ทำก่อนทำหลังได้หรือไม่ ???

ทำเมื่อไร การนับวาระการทำบุญ 7 -50 – 100 วัน นับจากวันที่วายชนม์เป็นวันที่ 1 เสมอ โดยไม่ต้องบวกลบตัวเลขจำนวนใดๆทั้งสิ้น ครบ 50 วันเป็นการทำบุญปัญญาสมวาร อาจทำก่อนหรือหลังครบ 50 วันภายใน 3-5 วัน ครบ 100 วันจากวันวายชนม์เป็นการทำบุญศตมวาร สามารถทำก่อนหรือตรงวันครบเท่านั้น การทำบุญเลย 100 วันแล้ว ไม่ใช่กาละการทำบุญศตมวาร เพราะวันที่ 100 วัน คือวันที่พระยายมราชพิพากษาผลบุญและบาปผู้ตายสู่ภพภูมิใหม่ อุปมาเมื่อศาลฏีกาพิพากษาจบ จำเลยต้องโทษติดคุก แม้วันรุ่งขึ้นจะมีพยานหรือหลักฐานมาแสดง ย่อมเลยเวลากลับคำพิพากษาด้วยไม่รักษาประโยชน์เอง

ดังนั้นการนับวันเป็นหลักสำคัญที่ต้องถูกกาละต่อผู้ตาย จึงไม่ได้หมายเอาวันที่ครอบครัวสะดวกแต่เลยกาลไปแล้ว เพราะเป้าหมายเพื่อให้บุญสมทบที่อุทิศนี้ผนวกรวมกับบุญต้นทุนของผู้ตายได้ทันหนุนนำสู่สุคติภูมิที่ดีที่สุดเป็นเบื้องต้นก่อน เมื่อท่านได้อยู่ในจุดที่ดีที่สุด หากจะทำบุญภายหลังเพิ่มพูนอีกก็เป็นเรื่องที่ดีงาม เหมือนทางโลกช่วยหาหลักฐานพยานไม่ให้ติดคุก ไม่ใช่ละเลยจนติดคุกแล้วค่อยไปเยี่ยมที่คุก

เขียนบันทึกศึกษาค้นคว้าโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ

ทำที่ไหนดี เอาที่สะดวกที่ไหนก็ได้หรือไม่ ???

ทำที่ไหน คตินิยมที่ถูกต้องคือ ทำที่บ้าน เพื่อให้ดวงวิญญาณผู้วายชนม์ที่ยังอยู่ที่บ้านได้ร่วมอยู่รับบุญด้วย วัดไม่ใช่สถานที่สาธารณะที่กายละเอียดดวงวิญาณจะเดินเข้าออกได้เหมือนมนุษย์ ทุกวัดมีเจ้าที่ประจำวัดคอยคุ้มครองศาสนสถาน ดังนั้นแม้จะตั้งศพผู้ตายอยู่ก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่ากายละเอียดนั้นๆจะเข้ามาได้ ในอดีตการจัดงานศพจึงจัดที่บ้านเป็นปกติ แต่เนื่องด้วยสภาพการเติบโตของสังคมเมืองปัจจุบันที่ไม่ได้มีขนาดเพียงพอ จึงมักไปจัดงานศพที่วัดเพื่อความสะดวกต่อคนเป็น แต่จะสังเกตว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่ง รู้หลักปฏิบัติจัดที่บ้าน ด้วยการนิมนต์คณะสงฆ์มาสวดอภิธรรมที่บ้านผู้ตาย และนำไปประกอบฌาปนที่วัดเมื่อครบกำหนด

การจัดงานทำบุญปัญญาสมวาร50วัน หรือศตมวาร100วัน ควรจัดที่บ้านผู้วายชนม์ เพราะไม่ว่าบ้านจะเล็กหรือเก่าก็คือบ้านเป็นสถานที่ที่ผู้วายชนม์ผูกพันและอยู่รอคอย แต่น่าเสียใจที่ครอบครัวส่วนใหญ่ขาดความรู้ เลือกจะเอาความสะดวกของคนเป็นมากกว่าความต้องการของผู้ตาย และผู้ตายก็ไม่อาจมีสิทธิ์มีเสียงจะโต้แย้งแล้ว เดชะบุญขอเป็นปากเสียงผู้ตายให้ครอบครัวได้เห็นแก่ผู้ตายมากกว่าความสะดวกของคนเป็น

เขียนบันทึกศึกษาค้นคว้าโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ

ทำให้ใครได้ นอกเหนือจากผู้ตายได้บุญแล้วใครได้อีก ???

ทำให้ใคร  แม้เป้าหมายหลักจะเป็นการทำบุญอุทิศกุศลให้กับผู้วายชนม์ที่ครบวาระ 50 วัน หรือ 100 วัน อย่างไรก็ตามบุญคือความสุขอันไม่มีจำกัด สามารถอุทิศกุศลแผ่ส่วนบุญนี้ไปยังหมู่ญาติบรรพชนบุพการีต้นตระกูลได้ไม่จำกัด อุปมาดอกไม้หอมจะดมคนเดียวหรือสิบคนร้อยคนพร้อมกัน ความหอมก็ไม่เจือจาง การอุทิศกุศลจึงไม่ใช่ตัวหารแบบแบ่งเค้กยิ่งมากคนเค้กยิ่งบาง การจัดงานทำบุญสามารถนำภาพผู้วายชนม์ประกอบการบังสุกุลและนำรายชื่อผู้วายชนม์พร้อมรายชื่อหมู่ญาติวางบนภูษาโยงในขณะทอดผ้าบังสุกุล เมื่อเสร็จพิธีแล้วให้นำกระดาษรายชื่อนี้เผาและกรวดน้ำที่เถ้ากระดาษแล้วนำน้ำไปเทฝากแม่ธรณีและตั้งจิตส่งบุญให้ทุกๆสรรพชีวิตเป็นกุศลสืบต่อไป
“นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา” เป็นภาษาบาลีแปลว่า บุคคลผู้ที่กตัญญูคือรู้จักคุณ กตเวทีคือตอบแทนคุณ เป็นเครื่องหมายของคนดี ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่รู้จักคุณ ถือว่าเป็นคนที่ไม่ควรคบ บรรพชนบุพการีต้นตระกูลทุกท่านคือรากเหง้าผู้ให้กำเนิดอนุชน

เขียนบันทึกศึกษาค้นคว้าโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ

ทำอะไรดี ต้องทำอะไร ถวายอะไรถึงถูกกาละ พระต้องสวดมนต์บทอะไร ???

ทำอะไร  องค์ประกอบการทำบุญอุทิศกุศล 50-100 วัน มีศาสนพิธีแบบแผนชัดเจนคือ
1.กราบอาราธนาคณะสงฆ์สวดพุทธมนต์บทธรรมนิยาม เพื่อให้ดวงจิตผู้วายชนม์สงบระลึกธาตุ4 ขันธ์5 สามัญญลักษณะ (ไตรลักษณ์) อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีบุญเป็นเครื่องนำทางสู่ปรโลก (โลกหน้า)
2.ถวายมตกภัตเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้วแด่คณะสงฆ์
3.ทอดผ้าบังสุกุลด้วยผ้าไตรเต็มแด่คณะสงฆ์เป็นเนกขัมมบารมีอุทิศกุศลผู้ตาย
4.ถวายไทยธรรมเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์เป็นเสบียงบุญแด่ผู้ตาย
5.กรวดน้ำอุทิศกุศลส่งบุญไปยังผู้วายชนม์
ข้อสังเกต การทำบุญปัญญาสมวาร 50 วัน และศตมวาร 100 วัน คณะสงฆ์ใช้บทธรรมนิยามไม่ใช่เจ็ดตำนานสิบสองตำนาน ไม่ล้อมสายสิญจน์ ไม่ตั้งขันน้ำมนต์ ไม่เจิม ไม่พรมน้ำมนต์ เหมือนงานสวดอภิธรรมที่ไม่มีพรมน้ำมนต์ ของถวายคณะสงฆ์ควรเป็นสิ่งของบริสุทธ์จากทรัพย์ที่หาได้ด้วยสุจริต ไม่ควรใช้ของเวียนของหมดอายุ

เขียนบันทึกศึกษาค้นคว้าโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ

ทำอย่างไรดี การประกอบบนหลักศีล สมาธิ ปัญญา คือหนทางสู่ความดับทุกข์

ทำอย่างไร  คำถามสำคัญที่ครอบครัวต้องถามตัวเอง ไม่ว่าจะจัดทำบุญเองหรือให้ผู้อื่นจัดให้ คือ “มีความรู้แล้วหรือยัง ???”

การขาดความรู้นำไปสู่ความเสียหายและสูญเสียโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไปว่าจ้างผู้ไม่มีความรู้นำประกอบพิธีผิดๆ จะไม่ต่างกับอนุญาตให้คนตาบอดจูงคนตาดีข้ามถนน ครอบครัวจึงควรศึกษามาบ้างเพื่อมีความรู้ตรวจสอบความถูกต้องไม่ปล่อยผู้ไม่มีความรู้มานำทำแบบผิดๆเพียงเพื่อเป็นพุทธพาณิชย์
#เดชะบุญจัดงานทำบุญอุทิศกุศล 50-100 วัน ดุจผู้วายชนม์คือบุคคลที่รักของครอบครัวตัวเอง 
#เดชะบุญมีตัวตนชัดเจนมีการเดินทางไปพบเพื่อมอบหลักธรรมอันเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวด้วยตัวเอง
#เดชะบุญแนะนำความรู้ก่อนการทำบุญ 50-100 วัน เพื่อให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญทุกๆวัน ไม่ใช่เพียงวันที่ 50 หรือ 100 วันเท่านั้น
#เดชะบุญแนะนำการบริหารจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมต่อการประกอบพิธีและมีความเคารพต่อคณะสงฆ์ 
#เดชะบุญตอบและชี้แจงความถูกต้องด้วยหลักพุทธศาสตร์ให้ครอบครัวได้กระจ่างในทุกคำถาม
#เดชะบุญแนะนำหลักการประกอบพิธีเพื่อได้บุญครบสามวาระ ก่อนทำขณะทำและหลังทำ (ปุพพเจตนา มุญจนเจตนา และอปราปรเจตนา)
#เดชะบุญได้รับคำชื่นชมและรับรองจากพระเถระ / เจ้าอาวาส ทั่วกรุงเทพฯปริมณฑล ว่าเป็นหนึ่งในภูมิธรรมความรู้ที่สามารถสื่อสารนำโยมประกอบพิธีได้อย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วน

เขียนบันทึกศึกษาค้นคว้าโดยอาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / เดชะบุญ

ภาพบรรยากาศ

ปรึกษาติดต่อจัดงานทำบุญอุทิศกุศล 50-100 วัน ด้วยสัมมาทิฏฐิที่

อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร

082-651-6246 089-813-5885

อีเมล : dechaboon4u@gmail.com

ความหวังเดียวที่ผู้วายชนม์ปรารถนาคือ “บุญ” อันนำมาซึ่งสุคติ